วันที่ 4 มีนาคม. 2567 เวลา 13:21 น.
สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ถูกมิจฉาชีพโพสต์ขายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก จำพวก เครื่องเล่นเกม โทรศัพท์ กล้องโกโปร อะไหล่รถ โดยเมื่อโอนเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้ส่งสินค้า ปิดช่องทางการติดต่อ ซึ่งมิจฉาชีพคนดังกล่าวใช้ชื่อเฟซ "น้ากัส รับจำนำ อะไหล่ซิ่ง" ในการหลอกลวง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่สืบนครบาลช่วยติดตามจับกุมมิจฉาชีพรายดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ได้จับกุมตัว นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี (พื้นเพคนนครนายก) ตามหมายจับของศาลจังหวัดเลย ที่ 164/2565 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และตรวจสอบในระบบยังพบว่ามีหมายจับอีก 4 หมาย ได้แก่
1. หมายจับศาลแขวงนครปฐม ที่ 14/2566 ลงวันที่ 4 มกราคม 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง ฉ้อโกงผู้อื่นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือนำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงหรือ สนับสนุนการกระทำผิด”
2. หมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 129/2566 ลงวันที่ 5 เมษายน 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุตริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
3. หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.205/2566 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง , ฉ้อโกงประชาชน , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความสียหายแก่ประชาชน”
4. หมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.18/2566 ลงวันที่ 25 มกราคม 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความสียหายแก่ประชาชน”
โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าร้านค้า หมู่ 2 ต.โนนปอแดง อ.ผาขาว จ.เลย
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อประมาณปี 2565 ผู้ต้องหาได้โพสต์ขายสินค้า จำพวก กล้องโกโปร โทรศัพท์ อะไหล่รถ ในเฟซบุ๊ก โดยผู้เสียหายได้ติดต่อขอซื้อสินค้า ตกลงซื้อขายและโอนเงินให้ผู้ต้องหา แต่สุดท้ายผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงไม่ส่งสินค้า และบล็อกช่องทางการติดต่อ ทำให้ได้รับความเสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี จากการตรวจสอบกับเว็บไซต์ blacklistseller พบว่า ยังมีผู้เสียหมายในหลายพื้นที่กว่า 30 ราย ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท
จากการซักถามผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2565 ผู้ต้องหาประกอบกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่อมาผลกระกอบการขาดทุนจึงได้ทำการกู้หนี้นอกระบบจำนวน 3-4 แสนบาทและไม่สามารถใช้หนี้ดังกล่าวได้ จึงได้นำโทรศัพท์ กล้องและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตนมี ประกาศขายผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อได้รับเงินมาแล้ว จึงได้นำไปจ่ายดอกเบี้ย ต่อมาอ้างว่าได้ถูกเจ้าหนี้นอกระบบติดตามทวงหนี้จึงได้ทำการปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมดและไม่ได้ทำการส่งสินค้าดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อและหลบหนีมาอยู่ที่สถานที่จับกุม จากนั้นจึงนำตัวมาทำบันทึกจับกุม และ ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาดินดำ ภ.จว.เลย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบในการขายของออนไลน์ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะต้องระวังสินค้าที่ขายถูกกว่าเกินกว่าความเป็นจริง ซื้อจากร้านที่มีหน้าร้านจริงหรือไปซื้อหน้าร้านดีกว่า ได้สินค้าแน่นอน ตรวจดูคุณภาพสินค้าก่อนได้ด้วย
.jpg)
.jpg)