22 กุมภาพันธ์ 2567 ในทุกๆ ปี การจัดอันดับมหาวิทยาลัยเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักศึกษา, ผู้ปกครองและวงการการศึกษาโดยรวม ในปีนี้ thaitopu.com ได้เปิดเผยการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทยล่าสุด โดยมีการสำรวจทางออนไลน์ โดยได้ผลการสำรวจ ได้แก่

อันดับ 1 : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

อันดับ 2 : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

อันดับ 3 : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

อันดับ 4 : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

อันดับ 5 : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎณ์ธานี

อันดับ 6 : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

อันดับ 7 : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

อันดับ 8 :มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

อันดับ 9 : มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

อันดับ 10 : มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

โครงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทยยอดนิยม มีเกณฑ์การจัดอันดับ ดังนี้

1. วัดความนิยมจากคะแนนโหวตของนักเรียน นักศึกษาและประชาชน ทั่วประเทศเก็บข้อมูลแบ่งตามหมวดคำถามความสนใจของผู้เรียน

2. เก็บข้อมูลแบ่งตามกลุ่มประเภทมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏ

3. เก็บข้อมูลแบ่งตามหมวดคำถามความสนใจของผู้เรียน เช่น มหาวิทยาลัยยอดนิยมด้านวิศวกรรมศาสตร์ ด้านบริหาร-บัญชี ด้านนิเทศศาสตร์

โดยแบ่งคำถามตามกลุ่มหลักสูตรที่นักเรียนสนใจในทุกประเภทมหาวิทยาลัย อาทิเช่น

• เลือกตามประเภท ม.ไหน ที่น้องอยากเรียน?
• หลักสูตรแพทยศาสตร์ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรวิทยาศาสตร์ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรไอที ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรพานิชยศาสตร์และการบัญชี/บริหารธุรกิจ/วิทยาการจัดการ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน
• หลักสูตรมนุษย์-ศิลปศาสตร์-ภาษา ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรการบิน/ธุรกิจการบิน/เทคโนโลยีการบิน ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรนิติ-สังคมศาสตร์-เศรษฐศาสตร์-รัฐศาสตร์ ม. ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรสถาปัตย์-ศิลปกรรม ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรดิจิทัลมีเดีย ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรอินเตอร์/นานาชาติ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรการท่องเที่ยว/การโรงแรม ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน?
• หลักสูตรอักษรศาสตร์/ศิลปศาสตร์/มนุษยศาสตร์ ม.ไหนบ้างที่อยากเรียน? ฯลฯ

4. เก็บข้อมูลและประกาศผลปีละ 1 ครั้ง *เก็บข้อมูลระหว่างเดือน มี.ค. - ธ.ค. และประกาศผลการโหวต ในเดือน ม.ค. - ก.พ. ของปีถัดไป

ที่มา https://www.thaitopu.com/content/161