16 มกราคม 2567 นายไอศูรย์ เทพสาสน์กุล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพหมึกผ้าห่ม หรือหมึกร่ม เป็นหมึกที่หายากมากในประเทศไทย โดย นายไอศูรย์ อธิบายในภาพว่า

“นี่คือหนึ่งในภาพที่ผมดีใจที่สุดในชีวิตที่ถ่ายได้

แน่นอนว่าส่วนตัวแล้วเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้บันทึกสิ่งมีชีวิตแสนสวยหายากชนิดนี้ในกล้องของผม

แต่เหนือกว่านั้นเป็นภาพที่ยืนยันว่าในทะเลไทย เราก็มี Blanket Octopus ด้วยเช่นกัน ทะเลไทยไม่แพ้ที่ใดในโลกครับ”

ต่อมา ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้กล่าวว่า นักดำน้ำพบหมึกผ้าห่มในทะเลอันดามันและถ่ายภาพไว้ได้ น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่เรามีภาพจากทะเลไทย ก่อนหน้านั้นเป็นการเก็บตัวอย่างจากท่าเรือประมง และ เพื่อป้องกันความสับสน เน้นอีกทีว่าเป็นหมึกหายาก แต่ไม่ใช่รายงานแรก ปกติหมึกทะเลชนิดนี้จะเข้ามาในอันดามันช่วงปลายปีถึงต้นปี อาจติดอวนล้อมอยู่บ้าง ปีนี้ มีมวลน้ำเย็นเข้ามา จึงมีสัตว์แปลกๆ ตามเข้ามาเยอะ นักดำน้ำบางท่านใช้การดำน้ำแบบ blackwater ลงดำน้ำกลางทะเลเปิดตอนกลางคืน ใช้แสงไฟใหญ่ล่อสัตว์กลางทะเลเข้ามา

“สำหรับหมึกผ้าห่ม สวยแปลกประหลาดเป็น โดย รศ.ดร.จรวย สุขแสงจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญหมึกทะเล ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายว่า หมึกผ้าห่ม (blanket octopus – บางทีเรียก หมึกร่ม) เป็น หมึกที่มีลักษณะพิเศษกว่า หมึกชนิดอื่น ๆ คือ มีเยื่อบาง ๆ ยึดติดระหว่างหนวดคู่ที่ 1 และหนวดคู่ที่ 2 บริเวณส่วนหัวทั้งด้านบนและด้านล่างมีรูสำหรับขับน้ำเรียกว่า cepharic water pore ด้านละ 1 คู่ หมึกร่มอาศัยและหากินอยู่ในทะเลเปิด ขนาดของหมึกร่มมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างเพศผู้และเพศเมีย ตัวเมียอาจยาวเกือบเมตร ขณะที่ตัวผู้เล็กจิ๋วเพียงไม่กี่เซนติเมตร ในภาพจึงเป็นตัวเมียแน่นอน เนื่องจากอยู่ในทะเลเปิด โอกาสเจอกันมีน้อย หมึกเพศผู้ที่เติบโตจนพร้อมผสมพันธุ์ เมื่อเจอเพศเมียจะว่ายเข้าไปผสมพันธุ์กับเพศเมียในทันทีที่พบ จนมีคำกล่าวว่าเป็นการผสมพันธุ์แบบ กามีกาเซ่เซ็กซ์ หรือการปักหัวพุ่งชนเช่นเดียวกับเครื่องบินรบญี่ปุ่น เพราะหลังผสมพันธุ์แล้วคงรอดยาก หรือ ตายทันทีหลังมีรัก”

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า หมึกร่มไม่เป็นที่นิยมในการบริโภคเนื่องจากมีคำร่ำลือว่ามีคนตายเนื่องจากบริโภคปลาหมึกชนิดนี้ เหตุผลเพราะหมึกร่มนำเอาเซลล์เข็มพิษที่ได้จากแมงกะพรุนพิษรุนแรงมาไว้บริเวณส่วนของวงแขน ดังนั้นหากรับประทานหมึกผ้าห่ม เข้าไปอาจได้รับอันตรายได้