ตำรวจไซเบอร์รวบแม่ค้าขายผ้า เครือข่ายไลน์ปลอม “สภ.เชียงราย” หลอกตรวจสอบฟอกเงิน เหยื่อโดนไปกว่าครึ่งแสน

วันที่ 7 ตุลาคม 2566 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุ แจ้งว่าได้ตรวจพบพัสดุของผู้เสียหายมียาเสพติดประเภทกัญชาและเฮโรอีนบรรจุอยู่ภายใน ผู้เสียหายหลงเชื่อ มิจฉาชีพจึงอาสาแจ้งความให้ โดยให้ผู้เสียหายแอดไลน์ ชื่อ “สภ.เชียงราย” โดยไลน์ดังกล่าวได้ส่งภาพบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจให้ดูเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จากนั้นส่งลิงก์ให้ผู้เสียหายกด เมื่อกดเข้าไปดูพบว่าคล้ายกับเพจของศาลกรุงเทพใต้ และส่งเพิ่มให้อีก 1 ลิงก์ เมื่อกดเข้าไปดูพบว่าคล้ายกับเพจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จากนั้นได้ส่งข้อมูลการเดินบัญชี อ้างว่าเป็นสมุดบัญชีเงินฝากที่ผู้เสียหายเปิดไว้ พร้อมกับอ้างว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วจำนวนมาก มิจฉาชีพจึงกล่าวหาว่าผู้เสียหายมีการกระทำเข้าข่ายการฟอกเงิน

ต่อมา มิจฉาชีพจึงขอตรวจสอบเงินที่มีอยู่ในบัญชีของผู้เสียหาย โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีทั้งหมด จำนวน 52,200 บาท ไปยังบัญชีของผู้ร้าย ต่อมาผู้ร้ายต้องการให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มไปอีก จำนวน 30,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่โอน จากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่ออีกเลย จึงรู้ว่าตนเองถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการ บก.สอท.3 ให้เร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3  ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.พิไลภรณ์ อายุ 27 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการและถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มักตั้งแผงขายเสื้อบริเวณริมทางเท้าหน้าตลาดอ่อนนุช ถนนอ่อนนุช แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. ในช่วงเย็นเป็นประจำ จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม

ต่อมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 ดำเนินคดีต่อไป