เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามค้นหาและกู้ภัยต่อเนื่อง หลังจากเกิดไฟป่ารุนแรงในรัฐฮาวาย ซึ่งลุกลามเมืองลาไฮนา เมืองท่องเที่ยวบนเกาะเมาวีตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

Josh Green ผู้ว่าการรัฐฮาวาย กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ระบุ  ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่า เกาะเมาวี อยู่ที่ 110 รายแล้ว หลังจากไฟลุกลามจากทุ่งหญ้านอกเมืองเข้าสู่เมืองลาไฮนาเมื่อวันอังคารที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำลายอาคารบ้านเรือน 2,200 หลัง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 195,210 ล้านบาท

ขณะที่ ถนนหลวงที่เข้าสู่เมืองลาไฮนา กลับมาเปิดใช้งานอีกครั้งในวันพุธ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นได้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ไฟป่าลุกลามเมืองลาไฮนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมการจราจรบนถนนบายพาสลาไฮนา ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าจะเปิดให้ประชาชนได้ใช้งานจากเวลา 06.00 น. ถึง 22.00 น.ต่อวัน

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อจากเมืองลาไฮนา เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ระบบเตือนภัย ซึ่งจะส่งเสียงเตือนเมื่อไฟป่าลุกลามเข้าใกล้เกาะเมาวี กลับเงียบสนิท ซึ่งมีส่วนทำให้เหตุไฟป่าครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในรอบกว่าศตวรรษของสหรัฐฯ

The Washington Post รายงานว่าวิดีโอที่ถ่ายที่ Maui Bird Conservation Center ใน Makawao ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นเสาไฟฟ้าขัดข้องก่อนเวลา 23.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเปลวไฟก็ปรากฏให้เห็น ชาวบ้านต่างต้องการคำตอบว่า เหตุใดระบบเตือนภัยกลางแจ้งกว่า 80 ตัวทั่วเกาะ ซึ่งใช้เพื่อแจ้งเตือนผู้อยู่อาศัยเกี่ยวกับสึนามิและภัยธรรมชาติอื่น ๆ จึงไม่ส่งเสียงเตือน ขณะที่ผู้คนหนีเอาชีวิตรอดจากไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว

ปีเตอร์ ทรังค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อจากเมาวี ประณามทางการที่ขาดการตอบสนองตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตจำนวนมากจากภัยพิบัติได้ ทรังค์กล่าวด้วยว่า การสูญเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองเป็นเพราะความไร้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

ที่มา  https://edition.cnn.com/.../hawaii-maui.../index.html