วันที่ 17 กันยายน 2566 เวลา 16:21 น.
วันที่ 17 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายสุริยน อายุ 43 ปี สัญชาติไทย คนขับ และชาวต่างด้าวสัญชาติเมียนมา อีก 12 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. รถส่วนบุคคล ยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ จำนวน 1 คัน , 2. กุญแจรถ 1 ดอก ,3. แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น ,4. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว สีน้ำเงิน โดยจับกุมบริเวณทางหลวงหมายเลข 323 กม.81-82 (ขาออก กาญจนบุรี) ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พฤติการณ์สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบทราบว่าจะมีขบวนการนำพาหรือช่วยเหลือบุคคลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในเส้นทางพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ในช่วงเช้ามืด ของวันที่ 16 กันยายน 2566 จึงได้จัดกำลังเพื่อออกตรวจตามเส้นทางที่มีการลักลอบ ขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล โดยผ่าน จ.กาญจนบุรี
ต่อมา วันที่ 16 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 05.30 น. รถวิทยุตรวจการณ์หมายเลขข้าง 2616 ออกตรวจในเขตได้พบรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ ขับขี่มาตามถนนไทรโยค-กาญจนบุรี ทางหลวงหมายเลข 323 กม.81-82 (ขาออก จ.กาญจนบุรี) ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ลักษณะบรรทุกสิ่งของหนักด้านท้ายของรถมีการติดตั้งแสลนสีดำคลุมท้ายรถ โดยสังเกตุรถยนต์มีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ปกติ ต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการขนย้ายแรงงานต่างด้าว จึงได้ขับขี่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวในระยะประชิด และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้สัญญาณเพื่อให้รถคันดังกล่าวจอด เพื่อจะได้ทำการตรวจค้น แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงได้ยินเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถ จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว เมื่อมาถึงบริเวณถนนไทรโยค-กาญจนบุรี ทางหลวงหมายเลข 323 กม.81-82 อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
จากการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทำให้รถยนต์คันดังกล่าวได้หยุดรถ ปรากฏว่าพบนายสุริยน แสดงตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจค้นตัวนายสุริยนฯ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และได้ทำการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ปรากฎว่าพบผู้ต้องหาที่ 2-3 และ 6-13 นั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ และผู้ต้องหาที่ 4-5 นอนอยู่ด้านท้ายของรถยนต์ จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 2-13 แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว
จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนที่ราชการออกให้ สอบถามผู้ต้องหาที่ 2-13 ไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ จึงได้ตรวจสอบเอกสารโดยละเอียด ปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
จากการสอบสวนคนขับให้การรับสารภาพว่า วันที่ 16 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 24.00 น. ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ไปรับผู้ต้องหาที่ 2–13 บริเวณ ถนนท่าแพ ซอย2 ทางหลวงหมายเลข 3272 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีนายสนให้ไปรับ เมื่อได้รับมาแล้ว ให้ไปส่งบุคคลต่างด้าวปลายทางที่ จ.สมุทรสงคราม และ จ.สมุทรสาคร ซึ่งจะมีการติดต่อการขนย้ายบุคคลต่างด้าว โดยมีนายสน เป็นนายหน้า โดยการลักลอบขนย้ายบุคคลต่างด้าวในครั้งนี้ มีรถที่ร่วมขบวนการขนย้ายบุคคลต่างด้าวจำนวน 2 คัน เป็นรถที่ใช้ขนย้ายแรงงานต่างด้าวทั้ง 2 คัน จนกระทั่งถูกจับกุมส่วนรถยนต์อีกคันได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น และผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่า จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ รู้เพียงว่าเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จำรุ่นและสีไม่ได้
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการไล่ติดตามจับกุม โดยการลักลอบขนย้ายบุคคลต่างด้าวในครั้งนี้ใช้เป็นการขับขี่ตามกันมาโดยการทิ้งระยะห่างเป็นช่วงๆ ห่างประมาณ 1-2 กม. ผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าได้ลักลอบขนย้ายบุคคลต่างด้าวครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท ต่อบุคคลต่างด้าว 1 คน (จะได้รับค่าตอบแทนทั้งหมดเป็นเงิน จำนวน 24,000 บาท หากเสร็จสิ้นการขนย้ายบุคคลต่างด้าว)
สำหรับชาวต่างด้าว ให้การยอมรับว่า ได้เดินทางมาจาก เมืองยะไข่ โดยช่องทางธรรมชาติเข้ามาใน ต.เจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จากนั้นได้นั่งรถจักรยานยนต์มาลงเรือ เพื่อมายังบริเวณหมู่บ้านท่าแพ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยมีนายหน้านำมา และจะมีรถยนต์กระบะมารับเพื่อเดินทางต่อไป โดยปลายทางบางส่วนมุ่งหน้า จ.สมุทรสงคราม และ จ.สมุทรสาคร ซึ่งบุคคลต่างด้าวทั้งหมด มีการติดต่อกับนายหน้าฝั่งประเทศไทยและประเทศเมียนมาหลายคน โดยผู้ต้องหาที่ 2-13 จะต้องจ่ายเงินเป็นค่าการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 20,000 บาท โดยได้จ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมาเป็นผู้รวบรวมเงินจากฝั่งประเทศเมียนมาก่อนออกเดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแจ้งให้ทุกคนทราบว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิด จะต้องถูกจับกุมโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1 “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย, ขับขี่รถโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ใช้แผ่นป้ายทะเบียนสำหรับอีกคันหนึ่งมาใช้กับอีกคันหนึ่ง” ผู้ต้องหาที่ 2–13 กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม และได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
10 ตุลาคม 2567
10 ตุลาคม 2567
10 ตุลาคม 2567
10 ตุลาคม 2567